วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

อนามัยสิ่งแวดล้อมบทที่ 9 การควบคุมและป้องกันมลพิษทางอากาศ

แผนการสอน
รายวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม
บทที่ 9  การควบคุมและป้องกันมลพิษทางอากาศ
9.1  ความหมายของมลพิษทางอากาศ
9.2  แหล่งกำเนิดของสารมลพิษทางอากาศ
9.3  ชนิดของสารมลพิษทางอากาศ
9.4  ผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ
9.5  การควบคุมและป้องกันมลพิษทางอากาศ
9.6 กิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศ
9.7 คำถามประจำบทที่ 9
9.8 แบบทดสอบประจำบทที่ 9
9.1 แนวคิดและหลักการ
          มลพิษทางอากาศ คือการเกิดฝุ่นละออง โมเลกุลชีวภาพ หรือวัตถุอันตรายชนิดอื่น ๆ ในชั้นบรรยากาศของโลก เป็นสาเหตุของโรค การเสียชีวิตในมนุษย์ และทำลายสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น พืชพันธุ์ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างชั้นบรรยากาศเป็นระบบแก๊สธรรมชาติที่ซับซ้อนที่จำเป็นต่อชีวิตบนโลก การลดลงของโอโซนในชั้นสตราโทสเฟียร์เนื่องจากมลพิษทางอากาศถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ รวมถึงระบบนิเวศของโลกด้วยมลพิษทางอากาศภายในอาคาร
คุณภาพของอากาศในเมืองจัดเป็นปัญหามลพิษโลก 2 ปัญหาที่เลวร้ายที่สุด จากรายงานชื่อ สถานที่ที่ประสบมลพิษมากที่สุดในโลก (World's Worst Polluted Places)[1] ของสถาบันแบล็กสมิธ (Blacksmith Institute) ในปี ค.ศ. 2008 ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี ค.ศ. 2014 มลพิษทางอากาศคร่าชีวิตคนประมาณ 7 ล้านคนทั่วโลกในปี ค.ศ. 2012[2]
9.2 จำนวนชั่วโมงเรียน    ภาคบรรยาย 10 ชั่วโมง  
9.3 จุดประสงค์การเรียนรู้
เพื่อให้นักศึกษามีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับแมลงที่เป็นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคในมนุษย์ ยุง แมลงวัน แมลงสาบ หนู การควบคุมและป้องกันโรค
9.4 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม เมื่อนักศึกษาเรียนวิชานี้แล้ว นักศึกษามีความรู้ ความสามารถและทักษะ ดังนี้
1. สามารถบอกความหมาย ความสำคัญของการสุขาภิบาลสิ่งขับถ่าย
2. สามารถอธิบายองค์ประกอบที่พิจารณาในการกำจัดสิ่งขับถ่าย
3. สามารถบอกและอธิบายหลักการกำจัดและวิธีการกำจัดสิ่งขับถ่าย 
9.5 เนื้อหาสาระ
ภาคบรรยาย
ความหมาย ความสำคัญของเกี่ยวกับแมลง หลักการกำจัดและวิธีการกำจัดแมลงและสัตว์นำโรค
9.6 กิจกรรมการเรียนการสอน
ภาคบรรยาย ทำการสอนในห้องเรียนแบบบรรยาย 4 ชั่วโมง ในหัวข้อที่ 1 - 3
9.7 สื่อการเรียนการสอน
          แผ่นสไลด์บรรยาย (power point)
เอกสารประกอบการสอน
          เอกสารประกอบการสอน ประกอบด้วยรูปภาพและตารางประกอบคำบรรยาย
9.8 การวัดผลและประเมินผล
          สอบข้อเขียนกลางภาค  ปลายภาค สรุปเนื้อหาที่เรียน / ความรู้ที่ได้รับลงสมุดบันทึกท้ายชั่วโมงบรรยาย





บทที่ 9  การควบคุมและป้องกันมลพิษทางอากาศ
หัวข้อ
9.1  ความหมายของมลพิษทางอากาศ
9.2  แหล่งกำเนิดของสารมลพิษทางอากาศ
9.3  ชนิดของสารมลพิษทางอากาศ
9.4  ผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ
9.5  การควบคุมและป้องกันมลพิษทางอากาศ
9.6 กิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศ
9.7 คำถามประจำบทที่ 9
9.8 แบบทดสอบประจำบทที่ 9
9.1  ความหมายของมลพิษทางอากาศ (air pollution meaning)
มลพิษทางอากาศ หมายถึง สภาวะการที่บรรยากาศกลางแจ้งมีสิ่งเจือปน เช่น ฝุ่นละออง ก๊าซต่าง ๆ ละอองไอ กลิ่น ควัน ฯลฯ อยู่ในลักษณะ ปริมาณ และระยะเวลาที่นานพอที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์หรือสัตว์ หรือทำลายทรัพย์สินของมนุษย์หรือสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ
9.2  แหล่งกำเนิดของสารมลพิษทางอากาศ (air pollution sources)
9.2.1) แหล่งมนุษย์สร้าง ได้แก่ กิจกรรมนานาประการของ มนุษย์ ดังต่อไปนี้
1.1)  การเผาไหม้( internal cumbustion) เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าและการเคลื่อนที่ของยานพาหนะเป็นต้น การเผาไหม้หากเป็นไปอย่างสมบูรณ์แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นจะมีเพียงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำเท่านั้น ในสภาพของความเป็นจริงแล้ว การเผาไหม้ส่วนใหญ่จะเป็นการ เผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้เกิดมีมลพิษทางอากาศขึ้นไม่มากก็น้อย
1.2)  โรงงานอุตสาหกรรม(Factory) มลพิษทางอากาศอาจเกิดขึ้นได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อพลังงานที่ต้องการในการผลิต วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เนื่องจากการขนถ่าย เคลื่อนย้าย วัตถุดิบมาสู่โรงงานหรือภายในโรงงานเอง การปรับหรือเปลี่ยนสภาพของวัตถุดิบเหล่านั้น เช่น การบด ผสม ร่อนแยกขนาด และขัดสี เป็นต้น ในกระบวนการผลิตมักจะเกิดมีสิ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตออกมาด้วย สิ่งเหล่านี้อาจจะถูกปล่อยให้ปะปนเข้าสู่บรรยากาศได้เสมอ ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมถลุงและหลอมโลหะ การกลั่นน้ำมัน เคมี อาหาร เป็นต้น
           1.3) ยานพาหนะ(vehicles) รถยนต์เป็นแหล่งเกิดของมลพิษที่สำคัญที่สุดในกลุ่มนี้ ในระยะแรกปัญหาเรื่องมลพิษจากรถยนต์ยังไม่มี เพราะปริมาณของรถยนต์มีอยู่น้อย ในระยะต่อมาเมื่อยานพาหนะมีความจำเป็นมากขึ้นในการดำรงชีวิต ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและมาตรฐาน การดำรงชีพ ปริมาณของรถยนต์ชนิดต่างๆก็ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองใหญ่ๆ และกลายเป็นแหล่งเกิดที่สำคัญประการหนึ่งของมลพิษทางอากาศ
9.2.2)  แหล่งธรรมชาติ (natural sources)
          2.1)  ภูเขาไฟ(volcano) เมื่อเกิดการระเบิดของภูเขาไฟ จะมีเถ้าถ่านและควันเป็นจำนวนมาก  ถูกปล่อยออกมาสู่บรรยากาศ
          2.2)  ไฟป่า(wild fire) ควันจากไฟไหม้ป่าสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ทำให้  ทัศนวิสัยเลวลงอันเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือเครื่องบินได้
          2.3)  การเน่าเปื่อยและการหมักสารอินทรีย์หรือสารอนินทรีย์(decay of matter) โดยจุลินทรีย์หรือปฏิกิริยาเคมีอาจทำให้เกิดสารมลพิษสู่บรรยากาศได้แก่ ออกไซด์ของคาร์บอน แอมโมเนีย ไฮโดรเจนซัลไฟด์
          2.4)  จุลินทรีย์ต่าง ๆ(microorganism) เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และสปอร์นั้นพบได้เสมอในอากาศ การฟุ้งกระจายของจุลินทรีย์จะไปได้ไกลเพียงใดขึ้นอยู่กับความเร็วและทิศทางของกระแสลม  เป็นสำคัญ
9.3  ชนิดของสารมลพิษทางอากาศ
มลพิษทางอากาศอาจจำแนกออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภทคือ อนุภาคต่างๆ ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ก๊าซและไอต่าง ๆ
9.3.1)  อนุภาคต่าง ๆ ที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ (particles)
          1.1)  ฝุ่น(dust) เป็นอนุภาคที่เป็นของแข็งเกิดจากการบด ขัดสี ทุบ ป่น ของสารทั้งที่เป็นอินทรียวัตถุและอนินทรีย์วัตถุ เมื่อถูกปล่อยเข้าสู่บรรยากาศจะสามารถล่องลอย   อยู่ในอากาศได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งจากนั้นส่วนใหญ่จะตกกลับสู่พื้นดิน
          1.2)  ขี้เถ้า(ash) ได้แก่อนุภาคขนาดเล็กมากของสิ่งที่เหลือจากการเผาไหม้
          1.3)  เขม่า(smut) เป็นอนุภาคที่เกิดจากการรวมตัวของอนุภาคขนาดเล็ก ๆ ของคาร์บอน ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของวัสดุพวกที่เป็นคาร์บอน และมีสารพวกทาร์ (tar) ซับอยู่ด้วย
          1.4)  ควัน(smoke) จัดเป็นคอลลอยด์ ที่เป็นอนุภาคของของแข็งหรือของเหลว กระจายอยู่ในตัวกลางที่เป็นแก๊สที่มีอยู่ในอากาศ จะถูกปล่อยออกมาเมื่อมีการเผาวัสดุหรือเกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีโดยใช้ความร้อน พร้อมกับปริมาณของอากาศหรือผสมในมวลสารชนิดอื่น ซึ่งเป็นส่วนเกินจากผลที่เกิดขึ้นจากความร้อน เช่น เตา, เทียนไข, ตะเกียงน้ำมัน และเตาไฟ แต่ก็อาจใช้สำหรับเป็นการกำจัดศัตรูพืช, การสื่อสารโดยใช้สัญญาณควัน, การป้องกันตัวโดยการสร้างฉากควัน, การทำอาหารเช่นแซลมอนรมควัน หรือเครื่องยาสูบชนิดต่างๆ ควันยังใช้ในพิธีกรรม, ธูปบูชา, ยางหอม ที่เผาเพื่อผลิตกลิ่น ในบางครั้งควันยังถูกนำไปใช้เป็นสารแต่งกลิ่น และเครื่องป้องกันสำหรับของกินต่างๆ ควันยังเป็นส่วนประกอบของไอเสียที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอเสียจากดีเซล
ซึ่งควันจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
ควันดำ(Black smoke) คืออนุภาคของถ่านหรือคาร์บอนที่มีลักษณะเป็นผงและเขม่าเล็ก ๆ ที่เหลือจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นมาส่วนใหญ่ เช่น รถเมล์ รถปิกอัพดีเซล รถที่มีขนาดใหญ่ทั่วๆไป และจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งควันดำนอกจากจะบดบังยังส่งผลต่อการมองเห็นและเกิดความสกปรกและยังสามารถเข้าไปสู่ปอดโดยการหายใจอีกด้วย และสะสมอยู่ในถุงลมปอดซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง หรือเป็นตัวนำสารให้เกิดโรคมะเร็งปอดและทำให้หลอดลมอักเสบได้
ควันขาว(White smoke) เกิดจากเครื่องยนต์ที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี โดยเฉพาะรถจักยานยนต์เก่าๆ ควันขาวคือสารไฮโดรคาร์บอนหรือน้ำมัน เป็นเชื้อเพลิงที่ยังไม่ถูกเผาไหม้ แล้วมีการปล่อยออกมาทาง ท่อไอเสีย โดยที่สารไฮโดรคาร์บอนนี้เมื่อโดนแสงอาทิตย์จะเกิดปฏิกิริยาในการสร้างก๊าซโอโซนซึ่งเป็นพิษภัยที่มีความรุนแรงการสูดควัน ถือเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของอัคคีภัยในอาคารสถานที่ ควันสามารถสังหารผู้คนได้โดยความร้อน, สารพิษ และเข้าปอดจนเกิดการระคายเคืองโดยคาร์บอนมอนอกไซด์, ไฮโดรเจนไซยาไนด์ และผลิตภัณฑ์จากการเผาไหม้อื่นๆ
          1.5) ฟูม(fume) ได้แก่อนุภาคที่เป็นของแข็งและมีขนาดเล็กมาก ( เล็กกว่า 1 ไมครอน ) มักจะเกิดจากการควบแน่นของไอซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่าง การหลอมโลหะหรือการเผาไหม้สารที่มีโลหะผสมอยู่ เช่น ออกไซด์ของโลหะต่าง ๆ
          1.6)  ละอองไอ(spray) ได้แก่ อนุภาคที่เป็นของเหลวซึ่งเกิดจากการควบแน่นของไอหรือแก๊สต่าง ๆ หรือเกิดจากการแตกตัวของของเหลวจากกระบวนการบางอย่าง เช่น การพ่น การฉีดของเหลวไปในอากาศ
9.3.2)  ก๊าซและไอต่าง ๆ (Gas and steam )
          2.1)  ออกไซด์ต่าง ๆ ของคาร์บอน
          1.  คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) CO2 เป็นแก๊สที่เป็นองค์ประกอบตามปกติของอากาศและเป็นส่วนหนึ่งของวงจรคาร์บอนด์ โดยปกติแล้วจะไม่ถือว่า CO2 เป็นสารมลพิษทางอากาศ แต่ถ้ามีปริมาณความเข้มข้นสูงเกินปกติอาจก่อให้เกิดผลเสียได้ เช่น กัดกร่อนวัสดุสิ่งของต่าง ๆ
          2.  คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) เป็นแก๊สที่เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของคาร์บอนหรือสารประกอบคาร์บอนต่าง ๆ เป็นแก๊สที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง แต่ก็มีอันตรายมาก อาจทำให้สูญเสียชีวิตได้ ถ้าหากว่าร่างกายได้รับเข้าไปด้วยปริมาณที่มากพอ
          2.2)  ออกไซด์ของซัลเฟอร์ (SOX)
          1.  ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของซัลเฟอร์หรือเชื้อเพลิงที่มีซัลเฟอร์ปะปนอยู่ เช่น น้ำมันและถ่านหิน เป็นต้น หรือจากการถลุงโลหะต่าง ๆ ที่   มีซัลเฟอร์เป็นสารเจือปนอยู่ในแร่นั้น ๆ เป็นก๊าซไม่ติดไฟ ไม่มีสี มีกลิ่นฉุน ทำความระคายเคือง มีความเป็นพิษ
          2.  ซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ (SO3) เกิดจากการเติมออกซิเจนของ SO2  ในบรรยากาศโดยได้รับอิทธิพลจากแสงอาทิตย์ เกิดจากการเผาไหม้โดยเกิดควบคู่กันกับ SO2  ความชื้นในอากาศจะทำปฏิกิริยากับ SO3 อย่างรวดเร็วทำให้กลายเป็นกรดซัลฟิวริก (H2SO4)
           3.  ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ซึ่งเป็นแก๊สที่มีกลิ่นเหม็นเหมือนแก๊สไข่เน่า มีอันตรายต่อสุขภาพมาก H2S อาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการเน่าเปื่อยของสารอินทรีย์ น้ำโสโครก หรือเกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น จากอุตสาหกรรมบางชนิด
          2.3)  ออกไซด์ของไนโตรเจนในอากาศที่สำคัญ ๆ ได้แก่ ไนตริกออกไซด์ (NO)  และไนโตรเจนไดออกไซด์   (NO2)  NOx  เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของถ่านหินหรือน้ำมัน NOx ส่วนใหญ่ในก๊าซไอเสียจะอยู่ในรูป NO และถูกออกซิไดส์อย่างรวดเร็วเป็น NO2 ในบรรยากาศ ซึ่ง ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์สามารถทำปฏิกิริยาในละอองน้ำเกิดเป็นกรดไนตริก (HNO3) ที่สามารถกัดกร่อนโลหะได้ และ NOx  ยังเป็นสารตั้งต้นในการเกิด photochemical oxidation อีกด้วย
           2.4) ไฮโดรคาร์บอนต่างๆ (HC) ในอากาศมีหลายประเภท เช่น Paraffins, Naphthenes, Olefinsและ Aromatic Compounds สารเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความเข้มข้นต่ำและไม่มีพิษภัย อย่างไรก็ดีไฮโดรคาร์บอนเป็นสารตั้งต้นในการเกิด Photochemical Oxidation และเป็นสารก่อมะเร็งด้วยแหล่งของ HC มีทั้งรถยนต์ สถานที่เก็บกักน้ำมัน กลั่นน้ำมัน และกระบวนการพ่นสี โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองรถยนต์จะเป็นแหล่งปัญหาสำคัญ
9.4  ผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ (The impact of air pollution)
9.4.1)  ผลต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ (Effects on human health)
          1.1) เกิดการเจ็บป่วยหรือการตายที่เป็นแบบเฉียบพลัน (acute sickness or death)   มีสาเหตุมาจากการที่ได้สัมผัสโดยการหายใจเอามลพิษทางอากาศที่ความเข้มข้นสูงเข้าสู่ปอด และในบรรดาผู้ที่เจ็บป่วยและตายนั้นมักจะเป็นพวกผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ที่ป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือโรคเกี่ยวกับหัวใจอยู่แล้วมากกว่าคนกลุ่มอื่น ๆ
           1.2)  เกิดการเจ็บป่วยที่เป็นแบบเรื้อรัง (chronic disease) การเจ็บป่วยชนิดนี้เป็น ผลเนื่องจากการได้สัมผัสกับมลพิษทางอากาศที่มีความเข้มข้นไม่สูงมากนักแต่ด้วยระยะเวลาที่นานมากพอที่จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพดังกล่าวได้ ที่พบบ่อย ๆ ได้แก่ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจต่าง ๆ
           1.3)  เกิดการเปลี่ยนแปลงของหน้าที่ทางสรีระต่าง ๆ (physiological functions) ของร่างกายที่สำคัญได้แก่ การเสื่อมประสิทธิภาพในการทำงานทางด้านการระบายอากาศของปอด การนำพาออกซิเจนของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง การปรับตัวให้เข้ากับความมืดของตา หรือหน้าที่อื่น ๆ ของระบบประสาท เป็นต้น
          1.4) เกิดอาการซึ่งไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ (untoward symptoms) ตัวอย่างเช่น     อาการระคายเคืองของอวัยวะสัมผัสต่าง ๆ เช่น ตา จมูก ปาก เป็นต้น
          1.5)  เกิดความเดือดร้อนรำคาญ (Nuisance) ตัวอย่างเช่น กลิ่น ฝุ่น ขี้เถ้า เป็นต้น        ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่และจิตใจ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นที่เป็นสาเหตุของการโยกย้ายที่อยู่อาศัยเพื่อหลีกหนีปัญหาดังกล่าวก็ได้
9.4.2)  ผลต่อการเจริญเติบโตของพืช (Effects on plant growth)
          2.1)  อันตรายที่เกิดกับพืช หมายถึง ในกรณีที่มีมลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นอันตรายต่อพืชและอันตรายดังกล่าวนี้สามารถวัดหรือตรวจสอบได้โดยตรง เช่นPAN ทำอันตรายต่อสปองจี้เซลล์ (spongy cells) O3 ทำอันตรายโดยเท่าเทียมกันต่อเซลล์ทุกชนิดของใบ SO2 ทำให้ใบของพืชสีจางลง ใบเหลือง เนื่องจากคลอโรฟีลล์ถูกทำลาย
           2.2)  ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพืช หมายถึง กรณีที่การเปลี่ยนแปลงอันวัดได้และทดสอบได้ของพืชซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากมลพิษทางอากาศ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประโยชน์ใช้สอยของพืชนั้น เช่น ดอกกล้วยไม้เป็นรอยด่าง มีสีจางลงเป็นจุด ๆ เนื่องจากแก๊สอะเซทิลีน
9.4.3)  ผลต่อสุขภาพสัตว์ (Effects on animal health )
  สัตว์จะได้รับสารมลพิษเข้าสู่ร่างกายโดยการที่หายใจเอาอากาศที่มีมลพิษปะปนอยู่ด้วยเข้าสู่ร่างกายโดยตรง หรือโดยการที่สัตว์กินหญ้า หรือพืชอื่น ๆ ที่มีมลพิษทางอากาศตกสะสมอยู่ด้วยปริมาณมากพอที่จะเกิดอันตรายได้ มลพิษทางอากาศที่พบว่าทำให้เกิดอันตรายต่อปศุสัตว์มากที่สุด ได้แก่ อาร์เซนิกหรือสารหนู ฟลูออรีน ตะกั่ว และแคดเมียม เป็นต้น
9.4.4)  ผลต่อวัตถุและทรัพย์สิน (Effects on objects and property )
  โดยกลไกที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อวัตถุ ได้แก่ การขัดสีของฝุ่นทรายที่มีอยู่  ในกระแสลมในบรรยากาศกับวัตถุต่าง ๆ เช่น อาคาร สิ่งก่อสร้าง หรือสถาปัตยกรรม เป็นเวลานานก็  จะทำให้วัสดุสึกกร่อน การตกตะกอนของอนุภาคมลสารลงบนพื้นผิวของวัตถุทำให้เกิดความสกปรก และวิธีการทำความสะอาดหรือกำจัดอนุภาคเหล่านั้นออกก็อาจทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้ รวมทั้งการทำปฏิกิริยาเคมีและการกัดกร่อนระหว่างมลสารกับผิวของวัตถุก็อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ทำให้โลหะ  ผุกร่อน ยางและพลาสติกเปราะและแตก ผ้าเปื่อยและขาด ผิวเซรามิกส์ด้าน เป็นต้น
9.5  การควบคุมและป้องกันมลพิษทางอากาศ (Control and prevention of air pollution)
9.5.1)  การออกกฎหมายควบคุม ทางหน่วยงานของรัฐได้ออกกฎหมายเพื่อควบคุมมลพิษทางอากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ดังต่อไปนี้
 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ . ศ . 2535
 พระราชบัญญัติโรงงาน พ . ศ . 2535
 พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ . ศ . 2542
 พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ . ศ . 2535
 ประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
 กฎกระทรวงต่าง ๆ
9.5.2) การกำหนดมาตรฐาน (Air Quality Standards Control) ถูกกำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อการใช้กฎหมายเพื่อการควบคุมดูแลคุณภาพอากาศทั้งในบรรยากาศและในสถานที่ประกอบการหรือบริเวณที่อยู่อาศัยให้อยู่ในระดับที่เกิดความปลอดภัย
          2.1)  มาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ (Ambient Air Quality Standards) ถูกกำหนดขึ้นเพื่อที่จะให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมคุณภาพอากาศใช้เป็นมาตรการสำหรับตรวจสอบและควบคุมดูแลให้สภาพแวดล้อมของบรรยากาศอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
          2.2)  มาตรฐานคุณภาพอากาศจากแหล่งกำเนิด (Emission Air Quality Standards) แหล่งกำเนิดของอากาศเสียที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์นั้นเป็นแหล่งสำคัญที่จะต้องถูกควบคุมไม่ให้มีการปล่อยสารมลพิษทางอากาศจนอาจเกิดปัญหาต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ    อีกทั้งต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ด้วย
9.5.3)  การควบคุมที่แหล่งกำเนิด (Source Control)
           3.1) การควบคุมการปล่อยสารปนเปื้อนหรือการลดผลิตสารปนเปื้อน   จากแหล่งกำเนิดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ได้แก่ การเปลี่ยนกระบวนการหรือวิธีการผลิต การลด สารปนเปื้อนที่เกิดขึ้นและการนำสารปนเปื้อนที่เกิดขึ้นกลับมาใช้ประโยชน์ การออกแบบเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานให้เกิดความเหมาะสมที่จะนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและต้องมี  การควบคุมการทำงานและการบำรุงรักษาเครื่องจักรเครื่องมือและอุปกรณ์อยู่เสมอ
          3.2)  การควบคุมสารปนเปื้อนจากแหล่งกำเนิดก่อนปล่อยออกสู่บรรยากาศ เพื่อไม่ ทำให้มีสารปนเปื้อนในบรรยากาศปริมาณมากจนอาจเกิดก่อให้เกิดอันตราย ได้แก่ การลดความเร็วของอากาศเสีย การเปลี่ยนทิศทางของอากาศเสีย การสกัดกั้นหรือกรองเอาอนุภาคออกจากอากาศ การใช้แรงดึงดูดกระแสไฟฟ้าสถิต การสันดาปเชื้อเพลิงให้สมบูรณ์ การดูดซับแก๊ส (Adsorption)  การดูดซึม (Absorption) การทำให้เจือจางและการควบแน่น (Vapor Condensers)
บรรณานุกรม
1."Reports". WorstPolluted.org. Archived from the original on 11 August 2010.
2."7 million premature deaths annually linked to air pollution". WHO. 25 March 2014.
3.       กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง, รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศและเสียงของกรุงเทพมหานคร, สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร, โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด, 2548
4.       กรมควบคุมมลพิษ,สถานการณ์มลพิษในรอบทศวรรษ(2532-2542), กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม, กรุงเทพมหานคร, 2543
5.       กรมควบคุมมลพิษ, มลพิษของประเทศไทย, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรุงเทพมหานคร, 2546.
6.       กรมควบคุมมลพิษ, สรุปสถานการณ์มลพิษในประเทศไทย ปี 2547, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรุงเทพมหานคร, 2548.
7.       เกื้อเมธา ฤกษ์พรพิพัฒน์ และคณะ, สถานการณ์สิ่งแวดล้อมไทย 2544-2545, มูลนิธิโลกสีเขียว, กรุงเทพมหานคร, 2546
8.       นพภาพาพร  พานิช และแสงสันต์  พานิชแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ด้านคุณภาพอากาศ,สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพมหานคร, 2544
9.       นลินี ศรีพวง, มลพิษทางอากาศในประเทศไทย (ในสถานการณ์อาชีวอนามัยและ
       สิ่งแวดล้อมในประเทศไทย (สมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์ และคณะ)”, บทที่ 4, 2548
10.      นันทวรรณ  วิจิตรวาทการและคณะ, ปัญหาสุขภาพจากมลพิษอากาศในเขตกรุงเทพมหานคร, 2547.

9.6 กิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศ
กิจกรรมที่ 1 การทำกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดโรคร้อน
ให้นักศึกษาทุกคนเขียนประเด็นกิจกรรมรณรงค์เพื่อลดโรคร้อน  คนละ  1 กิจกรรม โดยระบุวัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย  และวิธีการจัดกิจกรรม
ชื่อกิจกรรม
วัตถุประสงค์
กลุ่มเป้าหมาย
ตัวชี้วัด
วิธีการจัดกิจกรรม
สถานที่
























กิจกรรมที่ 2. การเลือกใช้สื่อต่างๆเพื่อการประชาสัมพันธ์
จงเลือกตัวอย่างการใช้สื่อต่างๆเช่นสิ่งพิมพ์ โฆษณา  เสียงตามสาย  แผ่นพับ ใบปลิวหนังสือพิมพ์  ประกาศบอร์ด ที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์ลดมลพิษทางอากาศมา   1 ชนิด
สิ่งพิมพ์ โฆษณา  ดังตัวอย่างต่อไปนี้
 เสียงตามสาย โดยข้อความหรือใช้ข้อมูลดังนี้


ใช้ โปสเตอร์รณรงค์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

9.7 คำถามประจำบทที่ 9
1.จงบอกความหมายของมลพิษทางอากาศ
2.Photochemical Oxidant คืออะไรมีคุณสมบัติอย่างไร ยกตัวอย่างของสารมลพิษนี้อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
2.1
2.2
2.3
3.สารมลพิษทางอากาศที่ก่อให้เกิดกรด H2SO4 ได้แก่สารใดบ้าง
4.  จงอธิบายผลกระทบต่อพืชจากมลพิษทางอากาศ
9.8 แบบทดสอบประจำบทที่ 9
1. ข้อใดไม่ใช่คุณสมบัติของ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ก. เป็นก๊าซมีสีติดไฟง่าย                                ข. เป็นก๊าซไม่มีสีไม่ติดไฟ ไม่ไวไฟ
ค. ทำให้น้ำฝนที่ตกลงมามีสภาพความเป็นกรด      ง. เมื่อทำปฎิกริยากับก๊าซออกซิเจนมีกลิ่นฉุนแสบจมูก
2. ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์พบมากในบริเวณพื้นที่อำเภอใดของจังหวัดลำปาง
ก. อำเภองาว                                            ข. อำเภอเมือง
ค. อำเภอแม่เมาะ                                       ง. อำเภอห้างฉัตร
3. ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ไม่ได้เกิดขึ้นจากผลในกระบวนการ ข้อใด
ก.การเผาไหม้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า               ข.การเผาไหม้ในกระบวนการเผาขยะต่าง ๆ
ค. การเผาไหม้น้ำมันปิโตรเลียมในเครื่องจักรของโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ
ง. การเผาไหมน้ำมันปิโตรเลียมในเครื่องจักรของรถยนต์บริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น
4. . ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เกิดในการเผาไหมถ่านหินในกระบวนการผลิตไฟฟ้า มีลักษณะตรงกับข้อใด
ก. เป็นก๊าซทีเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีควันสีดำ
ข.เป็นก๊าซทีเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีควันสีขาว
ค.เป็นก๊าซไอเสียทีเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีทั้งควัน สีดำและควันสีขาว
ง.เป็นก๊าซไอเสียทีเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีกลิ่นฉุน
5. ฝนกรดเกิดจากการกระทำในข้อใดมากที่สุด
ก.การกำจัดพลาสติกโดยการเผา                     ข.ใช้แก๊สธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
ค.ใช้สารเคมีในเครื่องทำความเย็น                    ง.ใช้้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถันปนอยู่มาก
6. ข้อใดไม่ใช่ผลเสียที่เกิดจากฝนกรด
ก. เกิดการกัดกร่อนอาคารและโบราณสถาน        ข. ทำลายผิวหนังของมนุษย์ มีอาการแสบคัน
ค. ทำลายระบบนิเวศ ป่าไม้แหล่งน้ำสิ่งมีชีวิต       ง. ก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจเช่นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
7. ข้อใดไม่เป็นผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ก.พืช ผักเหี่ยวเฉา                                      ข.ประชาชนมีอาการผมร่วงตาฝ้าฟาง
ค.สังกะสีเริ่มผุจากการกดักร่อนของกรด            ง. ตามใบพืชมีรูพรุนจากการกดักร่อน ของกรด
8. ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกิดผลมากที่สุดในลักษณะใด
ก. เกิดผลโดยตรงกับผิวหนัง                          ข. เกิดผลโดยตรงกับอาคารบ้านเรือน
ค. เกิดผลโดยตรงกับ พืช ผักและสัตว์เลี้ยง         ง. เกิดผลเมื่อผ่านบรรยากาศหรือแหล่งที่มีความชื้นสูง โดยรวมตัวกับไอน้ำกลายเป็นกรดซัลฟูริค (ฝนกรด)
9. การป้องกันผลกระทบจากซัลเฟอร์ไดออกไซด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ก. ติดตั้งเครื่องFGD                                    ข. ติดตั้งเครื่องดักจับฝุ่น
ค. ติดตั้งเครื่องดักจับถ่านหิน                         ง. ติดตั้งเครื่องผลิตน้ำ หินปูน
10. ขั้นตอนใดไม่ใช่การป้องกันผลกระทบจาก ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ต่อสิ่งแวดล้อม
ก. ระบบดักจับถ่านหิน                                ข. ระบบเตรียมน้ำ หินปูน
ค. ระบบแยกน้ำ ออกจากยิบซั่ม                     ง. ระบบการกำจัดซัลเฟอร์ไดออกไซด์
11. เครื่องดักจับซัลเฟอร์ไดออกไซด์ อาศัยวัตถุดิบ ตามข้อใดในท้องถิ่นจังหวัดลำปางเป็นสารดักจับ
ก. ยิบซั่ม                   ข. หินปูน                  ค.ถ่านหิน                   ง.ดินขาว.
12.ข้อใดคือประโยชน์ของเครื่องดักจับซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ก. การดักจับฝุ่น                                        ข. การดักจับถ่านหิน
ค. การแยกน้ำออกจากยิบซั่ม                         ง. ควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(สวล.)กำหนดไว้
13 ข้อใดเป็นการช่วยลดมลภาวะทางอากาศได้น้อยที่สุด
ก. การปลูกพืชน้ำ                                      ข. ใช้เทคโนโลยีเครื่องดักฝุ่น       
ค. การสร้างสวนพฤกษศาสตร์                       ง. ใช้เครื่องดักจับซัลเฟอร์ไดออกไซด์
14.การพัฒนาและส่งเสริมการลดมลภาวะทางอากาศของสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนข้อใดได้ผลน้อย
ก. การส่งเสริมปลูกพืชตระกูลถั่ว                     ข. การพัฒนาพันธุ์พืชที่ดูดซับอากาศได้ดี
ค. การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ง. การทดลองใช้ประโยชน์ของยิปซัมและขี้เถ้าจากโรงไฟฟ้าแม่เมาะเพื่อการเกษตร
15.แร่ที่เกิดขึ้นในการแยกก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ออกจากก๊าซไอเสียทีเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง ที่มีกำมะถันปนอยู่บนเชื้อเพลิง ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าคือข้อใด
ก. แร่เหล็ก                                              ข. แร่ยิบซั่ม
ค. แร่ลิกไนต์                                            ง. แร่ทองแดง

                เฉลย       กคขงง  ขขงกก  ขงกงข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น